เบาหวานและฮอร์โมนและการใช้พลังงาน
Hormones and Energy Expenditure
(ฮอร์โมนและการใช้พลังงาน)
จริงๆ แล้ว หลายๆ คนที่เคยใช้ โดยเฉพาะคนอ้วน จะเห็นว่า แค่ปัก ไขมันอยู่ๆ แม่งลงไปได้ยังไงไม่รู้เร็วมาก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้า กินเคลน ทีสาม มันก็ไม่เห็นลง
เรื่องมีอยู่ว่าจริงๆ แล้วมันมีผลโดยตรงกับการใช้พลังงาน
เอาง่ายๆ แค่
Testosterone 1 Standard Deviation จะใช้พลังงานต่างกันวันละประมาณ 1 - 300 cal แต่เวลาปัก ปักไป 300 mg มันจะห่างไปประมาณ 3 Standard Deviation (ยิ่งห่างหลายขั้น ผลต่างอาจน้อยลง)
การใช้ โกรทฮอร์โมนด้วย โดสแบบ 4 IU การใช้พลังงานขณะนั่งเฉยๆ ก็เพิ่มมากขึ้น 15% ทั้งวัน แล้วนึงถึงคนใช้ 12 IU หมายความว่า No cardio ไง คาร์กันตีนแตก catabolic สุดๆ แต่มีคนปักโกรท 12-18 IU นั่งเฉยๆ ทำงาน รับตัง แต่ลีนกว่า 555555
แล้วยังไม่พูดถึงวัวที่ฝังเทรน
แล้วเนื้อมันแห้ง ทั้งที่ก็กินหญ้าเหมือนตัวอื่น
แล้วยังไม่นับที่ใช้ฮอร์โมนแล้วมีแรงไปทำกิจกรรมมากกว่า ต่อให้นั่งโต๊ะทั้งวัน ก็ใช้พลังงานแล้ว
พลังงานที่ใช้หายไปไหนก็ไม่ได้เวทหรือขยับ ?
มันก็ไปใช้ฟื้นฟูไง เล็บที่ยาวไว เคราที่ขึ้น หรือสมองที่ดีขึ้น ใช้พลังงานมากขึ้นทั้งนั้นแหละ
จบ ไหนวะ ใครบอกฮอร์โมน 1%
ไม่ต้องไปแดก เคลนน่ะ นี่ มึงปักโกรท + เทส
ที่เห็นชัดที่สุดคือมีการรักษาเบาหวานโดยการใช้ Testosterone
สังเกตุไหมว่าเวลาเป็นโรค จะเป็นทีเดียวพร้อมกัน อ้วน เบาหวาน ซึมเศร้า แล้วนานไป ก็เป็นโรคหัวใจ มะเร็ง จริงๆ โรคกลุ่มนี้ เรียกว่า Metabolic Disease เกิดจากการที่ระบบการใช้พลังงานมันผิดปกติ การขาดฮอร์โมน เป็นสาเหตุหลัก ยกตัวอย่าง study
- Testosterone level and risk of type 2 diabetes in men: a systematic review and meta-analysis - PMC
- Testosterone replacement and prostate cancer - PMC
- Effect of Testosterone Replacement Therapy on Quality of Life and Sexual Function in Testicular Cancer Survivors With Mild Leydig Cell Insufficiency: Results From a Randomized Double-blind Trial - ScienceDirect
- Surprise: High-Dose Testosterone Therapy Helps Some Men with Advanced Prostate Cancer - 01/07/2015
แล้วการใช้ Testosterone ในโดสสูงๆ ก็สามารถใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมากได้
ดังนั้น การใช้ Testosterone นอกจากได้กล้าม ยังป้องกันตัวเองจากโรคได้ดีมาก
จริงๆ แล้วเนี่ย ผลข้างเคียงต่างๆ จากการใช้ Testosterone ไม่มีนะ นอกจาก LH, FSH ที่ลดลง การขาด Testosterone นี่น่ากลัวกว่า เรื่องของเลือดข้นด้วย จริงๆ มันข้นจากน้ำตาลในเลือดสูเป็นสาเหตุหลัก ไม่ใช่ Testosterone
ก็อยากจะให้ศึกษากัน หรือจะลองไปปรึกษาตามโรงพยาบาล ก็ได้หมด