icon-search
icon-search

SARMS หรือ AAS ดีกว่ากัน ?

SARMS หรือ AAS ดีกว่ากัน ?

SARMS หรือ AAS ดีกว่ากัน ?

อันนี้เขียนจากประสบการณ์ที่ขายมานะครับ คนที่เข้ามาถามแน่นอนว่าเหมือนกันคือ ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ ทีนี้สิ่งที่แตกต่างกันหลักๆ ก็คือว่า

SARMs มันมีตัวเลือกไม่มาก แล้วจากคุณสมบัติของมัน ผมมองว่ามันยากมากที่จะจัดให้มันทำงานร่วมกันหลายๆ ตัวให้เกิดผลสูงสุด คือผมมองว่ามันค่อนข้างแปลก ที่จะเอา rad140 กับ lgd4033 มาใช้พร้อมกัน เพราะผมมองว่าถึงมันจะกดฮอร์โมนน้อยแต่ก็กด ถ้าใช้ขนาดนั้นและนานเทสจะต่ำ ร่างกายไม่น่าจะโอเค แล้วจากคนที่มาปรึกษา ก็ไม่ค่อยโอเคนะ หลายคนมีปัญหาจาก testosterone ต่ำ จะเริ่มมีปัญหาตอนเข้าเดือนที่ 4 แต่คนใช้ยา AAS เดี่ยวๆ เช่น อนาวา จะมีปัญหาไวกว่านั้นมาก แค่ 7 - 10 วันอะเริ่มละ


แต่มันมีข้อดีคือมันกดฮอร์โมนน้อย ทำให้ถ้าใช้แบบ กล่องเดียว ปรับฮอร์โมนแบบง่ายๆ (ปรับดีกว่าไม่ปรับเสมอ) ไม่เกินสามพัน ก็จบได้ หรือใช้ HCG/HMG ระหว่างใช้ SARMs หรือ เพิ่ม Mk2886+Tadalafil ก็อาจจะไม่ต้องปรับเลย 

  • ผมก็เลยมองว่ามันเหมาะกับคนที่ต้องการฉาบฉวยหน่อยหรือทดลองทำหุ่นดู ได้ผลไหม ได้ผลครับ กล้ามมันขึ้นจริง มาจริงๆ คุ้มเงิน แต่ถ้าไปเทียบกับ Anabolic Steroids (AAS) มันจะอีกเรื่อง เพราะว่า

แต่ละตัวมีความหลายหลายมากกว่า แล้วในคนที่ใช้ได้โดยไม่เจอผลข้างเคียงถือเป็นโชคดีมาก เพราะถ้ากินดีซ้อมดี ตัวจะใหญ่ตามขนาดยาเลย (ย้ำว่า กินดี ซ้อมดี ยาถึงนะ มันจะถึงไหนถึงกัน)

  • ถ้าคนใช้เป็นคนที่กล้ามใหญ่ไขมันต่ำพอสมควร การเปลี่ยน AAS ก็สามารถเปลี่ยนลุคได้แบบแทบจะในทันทีเลย มันเลยไม่แปลกที่เห็นว่าอยู่ๆ คนในยิมมันฟูขึ้น เส้นเลือดขึ้น หน้าแดงขึ้น มากกว่าวันก่อนๆ การสร้างความเปลี่ยนแปลงก็ทำได้ไวกว่ามาก ถ้าใช้พวก Tren A อะไรว่าไป แล้วถ้าหุ่นดีพอมันสามารถเลือกได้ว่าจะเอาลุคไหนจากการกำหนดตัวยาในรอบนั้นๆ
  • แต่มีเงื่อนไขสำคัญมากคือคนใช้ต้องเป็นคนที่ไม่เจอผลข้างเคียงเยอะจากการใช้เทส คือถ้าร่างกายคุณรับระดับฮอร์โมนที่มากปกติได้แล้วไม่มีปัญหา การใช้ตัวอื่นก็มักจะไม่มีปัญหาไง มันก็ category เดียวกัน ต่างที่รายละเอียด

เช่นว่า ถ้าใช้เทสอีอาทิตย์ละ 300 - 600 แล้วเจอทั้งผมร่วง สิวเยอะ อันนี้จะใช้ AAS ไปต่อยากครับ เพราะมันโดยกรรมพันธ์ ฝืนยากมาก ไปใช้ซามน่าจะดีกว่า

  • การใช้ AAS ผมก็คิดว่าควรมองเป็นการอยู่กับมันในระยะยาวมากกว่าการใช้เป็นรอบ เช่นว่าบางช่วงใช้ เทส + เทรนเอ ใช้สักพัก พักตัวเทรนเอ เหลือ เทส + mk2886 + tadalafil สักพักอ่ะทำเนื้อใช้ เทส + อีคิว + เทรนเอ หรือ เทส + พรีโม่ + เทรนเอ อะไรประมาณนี้ หรือใครจะพักโดยการปรับฮอร์โมนไปเลยก็ได้ หลายที่จะบอกต้องปรับนะ จริงๆ ก็ได้ แต่ต้องทำให้จบ ไม่ใช่ทำไม่จบแล้วเทสต่ำกล้ามหายหมดนะครับ 

งั้นทุกคนก็ควรลองใช้ AAS น่ะสิ ?

ก็ไม่เสมอไปครับ


บางคนอยู่ในช่วงที่ระดับ testosterone ตามธรรมชาติสูงอยู่แล้ว การใช้เทสตัวเดียวมันไม่ต่างจากเดิมมาก ผมมองว่าถ้าจะใช้คือก้าวมาเลย ศึกษามาแล้ว แต่เดือนแรกอาจจะลองแค่เทส อะไรว่าไป ถ้าไม่ได้มั่นใจขนาดนั้นแค่อยากมีกล้าม การใช้ซามเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน


บางคนอยู่ในช่วงที่ระดับ testosterone ต่ำ การใช้ SARMs จะไม่เหมาะ เพราะว่าต่อให้ร่างกายสามารถทำกล้ามได้แต่เมื่อขาดฮอร์โมนหลัก ระบบรวมๆ มันก็ไม่มาเต็มที่ ผมจะแนะนำ 2 ทาง คือ

  1. ใช้ Testosterone (โดยไม่ต้องหยุดใช้ เพราะฮอร์โมนต่ำมาแต่แรกไง แต่อาจจะมีการใช้ HCG/HMG เมื่อต้องการมีบุตรจริงๆ ย้ำจริงๆนะ กล้ามมันจะลงไปด้วย)
  2. ใช้ HCG หรือ HMG เพื่อเพิ่มการผลิต Testosterone แล้วใช้ซามเสริม (หรือไม่ใช้ก็ได้)

สรุป

การใช้ของทำได้หลายแบบ ไม่มีผิด ถ้าใช้แล้วมีความสุขไม่รู้สึกว่าทนใช้หรือดันทุรัง มันก็ดีหมดแหละครับ คนที่ต้องการใช้สามารถถามก่อนได้ครับว่า แบบนี้ๆๆๆ ให้รายละเอียด งบ ว่าแบบไหนน่าจะเหมาะ  แต่ดีที่สุดคืออ่านในเวบนี้ทั้งหมดก่อนครับ มันจะได้พอเก็ทว่าอะไรเป็นยังไง ครับผม



หน้าที่แล้ว หน้าถัดไป

ตะกร้าสินค้าของคุณว่างว่างเปล่า
เลือกซื้อสินค้าต่อ