SARMS ก่อนอื่นขอเริ่มที่ความรู้ปัจจุบันและการนำไปใช้ SARMS หรือ Selective Androgen Receptor Modulator(s)
เริ่มจาก
- ในร่างกายของคนเราเนี่ย จะมี AR (Androgen Receptor) หรือตัวรับ Androgen อยู่เยอะมาก ไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งการตอบสนองกันระหว่าง AR กับ Androgen (ฮอร์โมนต่างๆ anabolic steroid ต่างๆ) นั้นจะให้ผลแตกต่างกันไป และมีผลโดยตรงต่อ ความหนาแน่นของกระดูก ความแข็งแรง พละกำลัง ระบบเผาผลาญ หรือแม้กระทั่งสมอง
แล้วก็เป็นที่รู้กันว่า Anabolic Steroid ก็มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลาย อย่างยาวนานและพิสูจน์แล้วว่าปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกต้อง แต่มันก็มีผลข้างเคียงหลายอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้
SARMs
- ก็คือยาที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยที่เมื่อจับกับ AR สามารถเป็นได้ทั้งตัวแทนของ androgen หรือเป็นตัวต่อต้าน androgen โดยตัวเคมีถูกโปรแกรมว่าให้ทำแบบไหน ณ AR ที่จุดไหน คือมันมีความ เฉพาะเจาะจง ในการพุ่งไปที่เนื้อเยื่อที่ต่างกัน นั่นเอง
การทดลองแบบ Basic ก็มีมานานแล้วเพื่อหาโครงสร้างที่เหมาะสม การทดลองได้ถูกทำอย่างหลากหลาย แล้วผลที่ได้ก็น่าพอใจ ได้แสดงให้เห็นว่ามีแนวโน้มที่จะนำไปรักษาโรคร้ายแรงได้หลายโรค เช่น
- อัลไซเมอร์
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- กระดูกพรุน
- ต่อมลูกหมากโต
ประวัติแบบสั้นๆ
- ในยุคปี 90 เนี่ย เริ่มมีการเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ SERMs (Tamoxifen, Nolvadex) ในการรักษาโรคต่างๆ ซึ่งชื่อเต็มคือ Selective Estrogen Receptor Modulator นั่นเอง ตัว SARMs ก็คือเปลี่ยนจาก Estrogen Receptor เป็น Androgen Receptor ถ้านึกภาพแบบนี้ก็จะเข้าใจมากขึ้น
- อย่างที่รู้กันว่าการใช้ Anabolic Steroids หรือการรักษาด้วยฮอร์โมนสามารถนำไปสู่ผลการรักษาที่ดีได้มากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีผลข้างเคียงส่วนหนึ่งที่เกิดจาก "การที่มันไม่มีความเฉพาะเจาะจง คือสามารถไป activate ตัวรับตรงจุดไหนก็ได้ ทำให้เกิดผลข้างเคียง" ผู้เขียนขอยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น พรีโม ซึ่งบนกระดาษบอกว่ามีความ androgenic ต่ำมาก จะไม่ทำให้เกิดผมร่วง แต่เมื่อใช้จริง ก็ร่วงเพราะโดยพื้นฐานมันก็ไป activate ที่ตรงรากผมเร่งปฏิกิริยาจนมันร่วงได้โดยไม่มีข้อยกเว้นนั่นเอง โดยแต่ละตัวก็จะมีลักษณะการ activate ที่ต่างกัน มันก็เลยว่าร่วงมาก ร่วงน้อย สิวมาก สิวน้อย สิวไม่ขึ้น นั่นเอง แต่จริงการใช้ฮอร์โมนนั้นต้องดูรวมๆ ด้วยว่าใช้อะไรบ้าง อย่างไร
- ซึ่ง SARMs หรือ Anabolic Steroids แต่ละตัว มันมีคุณสมบัติยิบย่อยต่างกัน และมีกาาคิดค้นเป็นร้อยๆ ตัว SARMs บางตัวก็มีการคิดค้นขึ้นมาเลยว่าถ้าต้องการสร้างกล้ามเนื้อแบบ anabolic steroid แต่ทำตัวตรงข้ามกับต่อมลูกหมากและระบบสืบพันธ์ชาย ก็เลยกลายเป็นว่ารักษาต่อมลูกหมากโตแต่ก็ทำให้กล้ามเนื้อกับกระดูกแข็งแรงไปพร้อมกัน
ตัวที่มีการศึกษามากที่สุดก็คือ Enobosarm หรือ Ostarine Acetat
มีการศึกษาจนจบ PHASE 2 แล้วว่าสามารถรักษาโรคกล้ามเนื้อสลายที่เกิดจากโรคมะเร็งได้ แล้วก็มีการทดลองในกลุ่มคนสูงอายุ พบว่า เพิ่มกล้ามเนื้อและลดไขมันได้จริงแล้วก็ยังลดคลอเราโตรอลชนิด HDL ได้ด้วย แล้วไม่ลด Testosterone, LH, FSH
ปลอดภัยกว่า testosterone หรือไม่ ?
ข้อดีของการใช้ Testosterone ในวงการก็คือพลิกแพลงได้ ใช้ยาเสริมได้ ไม่มีเพดานจำกัดเรื่องโดส ไปได้เท่าที่เข้าใจและรับได้ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนบางกลุ่ม SARMs อาจจะดีกว่า คือสามาถดูดซึมโดยการกินได้และไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็น estrogen แต่ว่าสามารถทดแทน Testosterone ในเรื่องอารมณ์ทางเพศได้จริงไหม อันนี้มันยังไม่ชัดมากจนฟันธงได้ แต่จากการศึกษาแล้วรีวิวลูกค้า บางตัวก็เพิ่มอารมณ์ทางเพศได้จริงๆ เช่น S23,Ostarine Acetat
(แต่การเพิ่มอารมณ์ทางเพศกับปริมาณ Testosterone เป็นคนละเรื่องกัน นะครับ ดังนั้น ถ้าใช้แล้วอารมณ์ทางเพศปกติไม่ได้พบปัญหาอะไร ค่าตับไม่สูง ถึงเทสจะต่ำก็สามารถใช้ได้เรื่อยๆ)
สรุปจากประสบการณ์ลูกค้าและที่คุยมา
ช่วงหลังๆ มองว่าคนที่มาใช้สินค้าไม่ได้มีแค่นักกล้ามจริงจังแต่มีกลุ่มคนที่อยากกล้ามขึ้นระดับนึงโดยที่หน้ายังเนียนผิวยังไม่เสียและต้องการสินค้าว่าใช้ง่าย อันนี้มองว่าตอบโจทย์ ที่สำคัญคือมันมีข้อได้เปรียบมากบางอย่าง คือ
- มันไปยุ่งกับระบบฮอร์โมนน้อยกว่า Anabolic Steroids ดังนั้นถ้าจะไม่ใช้ยาฉีด ก็ลืมยาเม็ดที่เป็น Anabolic Steoid เช่น อนาวา ไปได้เลย ใช้ SARMs ดีกว่า
- บางคนใช้ Testosterone ได้ผลพอใจ อยากเพิ่มของ แต่เมื่อใช้ยาที่ไม่บวม เช่น อนาวา พรีโม ผมร่วงครับ ถ้าตัวอื่น เช่น Dbol Deca ก็พบว่ากลัวบวมหรือบางคนใช้เทสไม่มีปัญหา ใช้ตัวอื่นเสริมปุ๊ปปัญหาเข้า ก็สามารถเสริม SARMs แทนได้นั่นเอง
- ถ้าเทียบมิลลิกรัมต่อมิลลิกรัม ค่อนข้างแน่นอนว่าเครียดกับตับน้อยกว่ายาเม็ด แล้วที่สำคัญ SARMs แบบเม็ดหรือแคปซูลสามารถถูกดูดซึมได้มากกว่า 98%
แต่ว่าแน่นอน ถ้าเริ่มมีการ Stack SARMs หลายตัว หรือใช้โดสสูง ก็อาจจะมีการกดฮอร์โมนได้ มีวิธีการแก้ง่ายๆ คือ
- ใช้ HCG หรือ mk2866+Tadalafill (เเบบกินมีขายนะ ) เพื่อบูสฮอร์โมนร่างกายให้มันสูงตลอด
- จำกัดระยะเวลาการใช้
- และขอย้ำว่า SARMs ก็ทำให้มีอารมณ์ทางเพศได้ หรือถ้าอารมณ์ตก ก็สามารถใช้ HMG HCG หรือ mk2866+Tadalafill ในการกระตุ้นแล้วออนต่อไปเรื่อยๆ
แค่นี้ก็สามารถใช้และวางแผนได้โดยไม่ต้องเดาอะไร อาจจะใช้ยาวไปเลยก็ได้ถ้าค่าตับปกติ จะปรับฮอร์โมนหรือไม่ปรับ คุณจะไม่ต้องคาดเดาถ้ามีผลเลือด แต่ถ้าให้ผมเดาแทน ก็จะบอกว่า ถ้าเลิกใช้ คือ เลิกเล่นกล้าม ปรับไปเหอะ ดีกว่า
นอกจากนี้การใช้ SARMs มา Stack กับ Anabolic Steroid หรือเทส ก็ทำได้ และก็มีเหตุผลที่ไม่ไร้สาระ คือ
ในบางคนที่โอเคกับการใช้ Testosterone 600 mg หรือเลี้ยงเทสอยู่ แล้วคนๆ นั้นมีปัญหาเรื่องสิว ผมร่วง หรือแม้กระทั่งเจ็บนม ที่ควบคุมยากถ้าสแตคยาหลายตัว การใช้ SARMs ก็สามารถทดแทนการใช้ยาการใช้ anabolic steroids ได้
อย่างไรก็ตาม ในระดับสูงจริงๆ Anabolic Steroid โดย design stack ขึ้นมาให้เหมาะกับอาหารและการซ็อมแน่นอนให้ผลดีกว่า(คือผมว่ามัน design ได้มากกว่าถ้าคนใช้รับได้นะ แต่มันก็มีอย่างอื่นอีก) โดยไม่ว่าจะใช้กับ SARMs หรือไม่ใช้ SARMs ร่วมด้วย เพราะในระดับสูงๆ มันมีเรื่องสัดส่วนฮอร์โมนเพศและอื่นๆ อีกมาก แต่ก็นั่นแหละ คนที่ใช้แบบนั้นหรือคนที่โค้ชระดับนั้น น่าจะมีข้อมูลมากกว่าผมแน่ๆ ก็แล้ว แล้วตัวนักกีฬาเค้าสามารถรับตัวฮอร์โมนได้โดยไม่มีผลข้างเคียงเท่าคนทั่วไป นั่นเอง
สำหรับคนเริ่มใช้ SARMs
หรืออยากจะลองอะไรที่ไม่ใช่อาหารเสริมและทำความเข้าใจแล้ว
หรือจะใช้ SARMs ในระหว่างช่วง 2 เดือนแรกที่กำลังจะศึกษาตัวอื่นก็เป็นทางเลือกที่ดีหรือคนที่ใช้ Anabolic Steroid แล้วรู้สึกว่ามันลำบากชีวิตเกินไป
ผมจะแนะนำ : เเบบนี้ครับ (ทุกตัวมันเพิ่มกล้าม ลดไขมัน ทั้งหมด ขอย้ำ เพิ่มกล้าม ลดไขมัน ทุกตัว แต่ต่างกันที่ฟีลลิงในการใช้ครับ
- MK2866 เป็นตัวที่ค่าตับขึ้นน้อยที่สุด หมายความว่าใช้ยาวได้มากกว่าตัวอื่น แล้วกินวันละครั้งก็พอ กดฮอร์โมนเพศน้อย เป็นตัวที่มีการศึกษามากที่สุด มากๆ ดังนั้นใครไม่เคยใช้ ใช้ตัวนี้จะดี ก้าวแรกสู่สังเวียน 555
- S23 เพิ่มเนื้อได้ดีที่สุด แรงที่สุด แต่ควรจะกินวันละ 2 ครั้ง กด testosterone มาก ตัวนี้ผมลองใช้อยู่ก็พบว่า ดี มันเหมือนใช้พวกตัวแห้งเลย แต่ผมไม่ร่วง ตอนผมใช้ เทส + พรีโมผมจะร่วงติดหมอน ตอนสระผม ตอนนี้ เทส + S23 วันละ 40 mg ผมไม่ร่วง สำหรับบางคนลองได้นะถ้าล่วงก็หยุดครับ
- LGD4033 เพิ่มเนื้อรองลงมาจาก S23 ครับ เนื้อมาเยอะ ตัวใหญ่ ฟิล Daca Eq ประมาณนั้น
- RAD140 ตัวนี้ของกลับมาเข้าสต๊อคพร้อมขาย ฟิลปั้มๆ กล้ามปั้มๆตลอดเวลา
- MK677 ควรจะต้องมีเป็นสิ่งเเรกก็ว่าได้นะ เพิ่มโกสฮอร์โมน สร้างเซลใหม่ ทำให้หน้าเด็กผิวเนียน เเละอีกมากมาย ยิ่งเราอายุมากขึ้น กล้ามสร้างยาก ลดไขมันยาก ก็ใช้ MK677 วันละ 10-20mg ช่วยสิปลดล็อคเลย
- NMN/TMG สารพัดประโยชน์ออกไปเเนวฟื้นฟูระบบหลอดเลือด ประสาท เพิ่มพลังงานให้กับเซลได้ด้วยด้วยนะ ก็คือเวลาเซลในร่างกายเราพลังงานมันไปช่วยมันน้อย มันจะออกมาในรูปเเบบกายภาพภายนอกด้วย เช่น หน้าเหี่ยว หน้าย้น ริ้วร้อย ซึ่งตรงนี้จะทให้เราเเก่ช้าลง เเละรวมไปถึงสามารถทำให้ชะลอวัยลงได้เยอะ วันละ 20mg ก็พอเเล้ว
- CADARINE ช่วยเรื่องระบบไขมันโดยเฉพาะ ใครที่มี LDL, คลอเรสเตรอล, ไตรกีเซอไรล์, ค่าของไขมัน เเละรวมไปถึงหลอดเลือดไม่ดี เเนะนำให้กิน วันละ 20mg ช่วยป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน, เส้นเลือดตีบ/เเตก ลดการเสียชีวิตได้เยอะ กินเถอะครับ
และก็ยังมีตัวอื่นๆ ที่ชื่อคล้ายๆ กัน และถูกเหมารวมว่าเป็น SARMs แต่จริงๆ คือสินค้ากลุ่มอื่น เช่น
ซึ่ง SARMs ทุกๆ ตัวสามารถใช้ร่วมกันได้นะ สินค้าแนะนำตอนนี้ เป็นยี่ห้อ SA ANABOLIC ราคาคุ้มค่ามาก คุณภาพก็เต็มร้อยเหมือนเดิมครับ โดยตอนนี้จะมี
- MK677 10mg 60 เม็ด ราคา 1,450 บาท
- RAD140 10mg 60 เม็ด ราคา 1,650 บาท
- LGD4033 10mg 60 เม็ด ราคา 1,650 บาท
- NMN250+TMG100 10mg 60 เม็ด ราคา 1,250 บาท
- CADARIN 10mg 60 เม็ด ราคา 1,050 บาท
- OTR-AC 10mg 60 เม็ด ราคา 1,250 บาท
แล้วคนที่จะกินอนาวาเดี่ยวๆ กิน SARMs ดีกว่าครับ ANAVAR กินอาทิตย์นึงหรรมน็อคแล้วครับ ผมลองมาแล้ว ถ้าจะกินอย่างเดียว มาทาง SARMs ดีกว่า
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
สั่งซื้อสินค้า ติดต่อ Line : Dnamuscle
กดที่นี้ได้เลยซื้อทันที >>> https://lin.ee/3qFtkHJ