MAS E VS PRIMO
จริงๆ สองตัวนี้ เมื่อก่อน
MAS P หรือตัว Drostanolone Propionate
มันก็ถูกเทียบกับ Methenolone Enanthate (Primo) อยู่แล้วนะ
ช่วงนี้พอมี MAS E (Drostanolone Enanthate) คราวนี้มันยิ่งคล้ายกันเข้าไปใหญ่
ทีนี้ ถามว่า ต่างกันยังไง ?
ถ้าไปดูต้นกำเนิด
- มาส = ใช้กดมะเร็งเต้านม
- พรีโม = ช่วยเรื่องการสร้างเนื้อ ฟื้นฟู
แต่ๆๆ ยาทุกตัว ก็สร้างกล้าม + ฟื้นฟู อยู่แล้ว
ทีนี้ ถ้าพูดจากประสบการณ์จริงที่เก็บมา ก็น่าจะแม่นอยู่ สรุปได้ประมาณนี้
ทั้ง 2 ตัว กด Estradiol ได้เหมือนกัน แต่ MAS E จะกดได้แรงกว่า แต่ก็มีบางคนที่กดแรงเกินไป บางคนใช้ Test E 600 + Mas E 600 แล้วกลายเป็นสิวขึ้น
โดสที่ดูแล้วดีจะเป็น Test E 2 ส่วน หรือ 1.5 ส่วน ต่อมาสอี 1 ส่วน ซึ่งมันก็โอเค
มันเลยเป็นที่มาของ Test E 600 + Mas E 400
ส่วนพรีโม ดูเหมือจะไม่มี Limit ในการออน คนที่ออนเทสอี 1000 ก็สามารถออนพรีโม 1200 ได้ โดยที่แบบ No side Effect เลย แต่เวลาเพิ่มมาสเข้าไปอีก จะกลายเป็น E2 ต่ำไป เทสต้องเป็น 1500 หรือ 1800 อะไรแบบนี้เลย ไม่งั้นเนื้อไม่มา
ก็สรุปได้ประมาณว่า MAS E ก็ใช้ได้ดี และใช้น้อยกว่าในการที่จะ ยังไงล่ะ คุม E2 แต่เวลา overdose อะ มันก็จะไปเเย่พวก ค่าไขมันในเลือด หรือเเย่พวกข้อต่อนะ เพราะเหมือนว่ามันจะไปตัดการกระทำของ E2 กับตัวรับ ทำให้บางส่วนที่จำเป็นก็กระทำไม่ได้
ใครชอบเเบบเบาๆ เหลือๆ เอกเฟคน้อยๆ ก็จัด Primo
ประมาณว่า มาสถ้ามากไป เนื้อไม่ขึ้นแต่พรีโม มากเท่าไหร่ก็ได้ แม่งขึ้น
แต่มันก็ไม่มีใครออนมาสเยอะอยู่แล้วไง เอ้อ
แล้วมันก็แต่งได้ง่ายอยู่แล้วเวลา Ester มันใกล้กัน
ก็เพิ่มเทส ตัดมาส เพิ่มมาส ตัดเทส อะไรว่าไป
สมมติต่อ ถ้ามีแกนหลักแล้วใช่ไหม ลูกค้าบอก อยากให้ใหญ่ขึ้น ก็ท่าง่ายเลยครับ เพิ่มโดสเทสทีละนิด ทีละ 15-25% ก็ได้ ไม่ต้องทำอะไรให้ยาก ไม่แหกโค้งด้วย
เพราะเวลา Ester ยามันใกล้กัน มันกะง่าย
(มันจะไม่เท่าเป๊ะนะ เพราะตัว base เวลา ester มันหลุดไปมันต่างกัน)
เวลาใช้ตัวที่มันถ่างกันมากๆ เช่น เทส + อีคิว ใช้ไปเข้าเดือนที่สาม บางคนเริ่มปวดหัว ก็เพราะอีคิวมันสูงแล้ว มันบีบประสาท วิธีแก้จริงๆ คือเพิ่มเทส ให้มันหนีออกไป
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าใกล้ๆ กัน มันจัดการง่ายกว่ หรือถ้าไม่ไหว ก็ เทส+พรีโม่ ไปก็ทำได้เช่นกัน